จับกุมชิงทรัพย์พาดหัวข่าว

จับโจรวัยรุ่นชายก่อเหตุกระชากสร้อยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สารภาพตกงานไม่มีเงินกินข้าว จ่ายค่ารถ ค่าบ้าน

จับโจรวัยรุ่นชายก่อเหตุกระชากสร้อยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สารภาพตกงานไม่มีเงินกินข้าว จ่ายค่ารถ ค่าบ้าน

วันที่ 24 กันยายน 2568 จากกรณีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 บริเวณสี่แยกไฟแดงถนนทุ่งเสา1 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ได้มีคนร้ายเป็นวัยรุ่นชายขับขี่รถจักรยานยนต์มาเพียงคนเดียว ก่อนจะกระชากสร้อยคอทองคำของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถโดยสาร หลังก่อเหตุก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบในภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอหาดใหญ่จึงทำให้ พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้สั่งการ ให้ พ.ต.ท.อนุวัฒน์ ฤทธิชัย รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.สุรพัฒน์ อาดสะอาด สว.สส., และ ร.ต.อ.อภิรักษ์ ชายะพันธ์ รอง สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการสืบสวน 3 ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ หาข้อมูลของคนร้ายและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีเพื่อออกติดตามจับกุมตัว มาดำเนินคดีขั้นตอนตามกฏหมาย


ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ ชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้มีการขออนุมัติหมายจับตัวคนร้ายก่อเหตุกระะชากสร้อยคอทองคำ ของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เบื้องต้นทราบชื่อ นายศักดิ์รินทร์ หรือ เก้อ จินดารัตน์ อายุ 25 ปี ชาวตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่า หลังก่อเหตุนายศักดิ์รินทร์ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่บ้านแม่ในอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล จากนั้นชุดสืบสวนจึงได้เดินทางลงพื้นที่ตามจับกุมตัวได้บ้านพักของแม่นายศักดิ์รินทร์ ระหว่างเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เข้าจับกุมตัว นายศักดิ์รินทร์อาบน้ำเพิ่งเสร็จและเดินออกจากห้องน้ำพอดี ก่อนจะมีการควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่


จากการสอบถาม นายศักดิ์รินทร์ จินดารัตน์ ได้รับสารภาพว่า สาเหตุที่ก่อเหตุนั้นตนเองได้ตกงานมา 1 เดือน ซึ่งไม่มีเงินกินข้าวและหลังจากก่อเหตุก็ได้นำสร้อยทองคำไปขายเป็นเงินจำนวน 20,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นทองมาเลย์ จากนั้นก็นำเงินมาจ่ายค่ารถ ค่าบ้าน ฯลฯ ซึ่งช่วงก่อเหตุทางบ้านก็ไม่ทราบว่าตนเองได้มาก่อเหตุกระชากสร้อยและต้นบอกทางบ้านว่าพบสร้อยคอทองคำมา ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่ได้เอาเล่นการพนัน
สำหรับเคสนี้ ผู้บังคับบัญชาเร่งรัดและกวดขันอย่างมาก ให้ตามจับคนร้ายให้ได้ เนื่องจากผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ เราอยากจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักท่องเที่ยว ว่าเราไม่เคยทอดทิ้งหรือปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้


นอกจากนี้ ยังได้ฝากเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังทรัพย์สินมีค่า โดยเฉพาะในพื้นที่เปลี่ยว “ขอประชาสัมพันธ์ว่า ใครที่ใส่สร้อยคอทองคำหรือสิ่งของมีค่าต่างๆ ก็ควรจะระมัดระวังด้วยนะครับ ในที่เปลี่ยวหรือที่ที่อาจจะถูกก่อเหตุได้ ก็ให้ระมัดระวังในการครอบครองทรัพย์สินดังกล่าวด้วย”
สำหรับ เคสนี้ก็ได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเลยทั้งชาวบ้าน ทั้งตำรวจนอกหน่วยในหน่วย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายในคดีนี้ได้ ไม่ใช่ความสามารถของเราคนเดียว เป็นการร่วมมือกันของทุกๆ ฝ่ายเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
คลิปเหตุการณ์จากกล้องหน้ารถยนต์สามารถบันทึกเหตุการณ์ช่วงนาทีนายศักดิ์รินทร์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ขี่ตามหลังรถโดยสารสองแถว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียนั่งอยู่อยู่บนรถจำนวนหลายคน จากนั้นช่วงระหว่างรถโดยสารกำลังจอดรอสัญญาณไฟเขียวนายศักดิ์รินทร์ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ขนาบข้างรถโดยสารก่อนกระชากสร้อยจากคอนักท่องเที่ยว และขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป


พี่เสือ นักข่าว สงขลา