เกาะ พะงันแตก! ตร. ทท. จับมือฝ่ายปกครอง บุกกวาดล้าง 4 คดีใหญ่ รวบแก๊งอินเดียสุดกร่างขาย “แฮชชิช”-เจ้าของร้านกัญชาดัง-นักท่องเที่ยวอิสราเอลใช้แบงก์ปลอม
เกาะ พะงันแตก! ตร. ทท. จับมือฝ่ายปกครอง บุกกวาดล้าง 4 คดีใหญ่ รวบแก๊งอินเดียสุดกร่างขาย “แฮชชิช”-เจ้าของร้านกัญชาดัง-นักท่องเที่ยวอิสราเอลใช้แบงก์ปลอม
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.3) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(ผบช.ทท)สั่งการให้พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 ระดมกำลังกวาดล้างครั้งใหญ่ ล็อกตัวผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวม 4 ราย พัวพันคดีลักลอบค้าสารเสพติด, แรงงานผิดกฎหมาย, และการใช้ธนบัตรปลอม ถือเป็นการตอกย้ำนโยบายกวาดล้างอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ทั้งนี้ได้ประสาน นายอำเภอเกาะพะงัน เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน ภายใต้การอำนวยการสั่งการของนายสุริยา บุญพันธ์ นายอำเภอเกาะพะงัน นายไพสิฐ ทองเจิม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ได้สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย มว.ต.ธนพนธ์ แซ่ตั้ง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง , ตรวจคนเข้าเมืองพะงัน , สืบสวน สภ,เกาะพะงัน เข้าตรวจสอบ
ปฏิบัติการเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 18:20 น. เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณบ้านศรีธนู หลังได้รับแจ้งว่ามี นายอัชวิน เลสเตอร์ อาโชค เซอราด (Mr.Ashwin Lester Ashok Serrad) ชาวอินเดีย วัย 29 ปี กำลัง รับจ้างติดป้ายโฆษณาปาร์ตี้ โดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งถือเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างประกันตัวเพื่อสู้คดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และถูกจำกัดพื้นที่พักอาศัย
การตรวจสอบไม่จบแค่นั้น! เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายอัชวินฯ ที่ยินยอมให้ตรวจค้น และท้าทายเจ้าหน้าที่ มีแบ็กใหญ่ อยู่กรุงเทพ เจ้าหน้าที่ชุดจับไม่สนใจ พบหลักฐานการสนทนาซื้อขาย “ยางกัญชา” หรือ “แฮชชิช” ผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมยึดของกลาง ยางกัญชา 4 ถุง ผู้ต้องหารับสารภาพว่ามีการซื้อขายจริง จึงถูกแจ้งข้อหา “ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต” และ “ครอบครองสมุนไพรควบคุมเกินปริมาณที่กำหนด”
จากการซักทอดของนายอัชวินฯ ตำรวจได้ขยายผลไปยังแหล่งที่มาของยางกัญชาทันที คือ ร้านค้ากัญชาชื่อดัง 2 แห่ง ใจกลางเกาะพะงัน
* ร้าน HEADQUARTER: จับกุม นางสาวจามจุรี สีสนิท เจ้าของร้าน พร้อมยึด ยางกัญชา (HASHISH) หลากหลายชนิด รวมน้ำหนัก 118 กรัม และ กัญชาไฟฟ้า 31 กล่อง ผู้ต้องหารับสารภาพว่าสั่งมาขายนักท่องเที่ยว โดยถูกแจ้งข้อหาครอบครองเกินกำหนดและช่วยซ่อนเร้นของหนีภาษีศุลกากร
* ร้าน Choo Choo Hemp: จับกุม นายเจษฎา ไซ ผู้จัดการร้าน พร้อมของกลาง ยางกัญชาบรรจุถุงทอง น้ำหนักรวม 257 กรัม ผู้ต้องหารับสารภาพว่าสั่งมาขายให้นักท่องเที่ยวเช่นกัน
รวมของกลางที่ตรวจยึดได้จากสองร้านคิดเป็นปริมาณที่สูงมาก บ่งชี้ว่ามีการลักลอบจำหน่ายสารควบคุมให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง
คดีสุดท้าย: นักท่องเที่ยวอิสราเอล “รู้ทั้งรู้” ว่าปลอม แต่ยังใช้แบงก์ดอลลาร์ปลอมแลกเงิน
เวลา 21:30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากร้านรับแลกเงินว่า นางอายเลท กาเนอร์ อิสฮัก (Mrs.Ayelet Ganor Itzhak) อายุ 49 ปี ชาวอิสราเอล ได้นำ ธนบัตร 100 ดอลลาร์สหรัฐปลอม มาแลกเป็นเงินไทยได้ 3,140 บาท แล้วรีบหลบหนีไป
ตำรวจท่องเที่ยวใช้ข้อมูลจากระบบ BIOMETRICS ติดตามไปยังที่พัก และรวบตัวผู้ต้องหาไว้ได้ นางอายเลทฯ ยอมรับสารภาพ ว่าได้ธนบัตรปลอมมาจากสหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก) และ ทราบดีว่าปลอม แต่ตั้งใจนำมาแลกที่ประเทศไทยเพื่อใช้จ่าย เนื่องจากมีค่าเงินที่ต่างกัน
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทุกคนให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
การจับกุมต่อเนื่องหลายคดีในคืนเดียว สะท้อนความเอาจริงเอาจังของตำรวจท่องเที่ยวในการกวาดล้างกลุ่มผู้กระทำผิดที่เป็นภัยต่อความปลอดภัยและเศรษฐกิจบนเกาะพะงันตามนโยบายการสร้างความเชื่อมั่นให้กับ นักท่องเที่ยว
พี่เสือ นักข่าวสงขลา