พาดหัวข่าวพายุ

พายุงวงช้างโผล่สมุทรปราการ พัดถล่มบ้านพังยับ 5 หลัง

พายุงวงช้างโผล่สมุทรปราการ พัดถล่มบ้านพังยับ 5 หลัง
ภาพจากคลิปมือถือที่ชาวบ้านในพื้นที่ถ่ายเอาไว้ได้ในขณะที่ขับรถใกล้นิคมเอเชีย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยพบว่าเกิดพายุงวงช้างค่อนข้างใหญ่พัดถล่มในพื้นที่จนทำให้เกิดลมหมุนซัดหอบเอาบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ปลิวลอยขึ้นท้องฟ้า ขณะที่อีกคลิป เป็นการบันทึกได้จาก ผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อว่า เด็กมันห้าว อยากกินข้าวผ่านธุป ได้ใช้มือถือถ่ายเอาไว้ได้ทัน จากภาพจะเห็นความรุนแรงของพายุงวงช้างก้อนนี้ที่เกิดขึ้นถือได้ว่าแทบจะเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นขนาดใหญ่เช่นนี้ในพื้นที่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.09 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ มีบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในทิศทางของพายุได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลังจำนวน 5 ครอบครัว ขณะที่ทางนายอำเภอบางบ่อ สั่งการให้ผู้นำชุมชนและท้องถิ่นเร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว โดยยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้


ล่าสุด วันที่ 13 ตุลาคม 2568 ทีมข่าวเราเดินทางลงพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุงวงช้างลูกนี้ โดยพบว่าสภาพบ้านหลายหลังมีสภาพพังเสียหายค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะหลังคาบ้านที่ถูกลมพายุซัดหายไป ขณะที่บางหลังพังเสียหายทั้งหลังก็มี
คุณลุง สมชาย ฉวนสี อายุ 69 ปี เล่านาทีเกิดพายุจนตนเองต้องหนีตายหาที่กับหลบภัย โดยคุณลุงสมชาย บอกว่า ตอนเกิดเหตุพายุลมหมุนมา ตอนนั้นตนเองอยู่ในบ้าน พอลมหมุนมาถึงบ้านก็เริ่มดังสนั่นหวั่นไหว ลมพัดหอบเอาหลังคาหน้าบ้านข้างบ้านปลิวขึ้นฟ้า ตอนนั้นจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปหลบในบ้าน แต่ก็ไม่พ้น ตอนนั้นลมพัดมาแรงมา เรียกว่าหมุนปั่นมาเลย และหอบเอาเศษวัสดุต่างๆลอยขึ้นฟ้า ตอนนั้นคิดในใจไม่รอดแน่ เกิดมาจะ 70 ปี ไม่เคยพบเจออะไรที่รุนแรงขนาดนี้ หลังเกิดเหตุก็มีผู้ใหญ่บ้านเข้ามาสำรวจ ความเสียหายเพื่อแจ้งไปยังผู้เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนตนเองต้องไปอาศัยบ้านญาตินอนชั่วคราวเนื่องจากบ้านพังเสียหาย เบื้องต้นพังเสียหายมาก แม้แต่ไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้กินไข่ ก็ถูกลมพายุพัดปลิวหายไปหมดทั้ง4ตัว


ขณะที่ นางสาว กันยารัตน์ ภู่ทอง อายุ 42 ปี เล่านาทีเกิดเหตุตอนนั้นให้ฟังว่า ตนเองตอนนั้นอยู่กันในบ้าน 5 คน มีทั้งเด็กที่เป็นลูกๆของตนเองรวมถึงพ่อและแม่ ซึ่งขณะเกิดเหตุต้องพากันหาที่หลบภัย โดยตนเองต้องอุ้มลูกน้อยไว้ในอกแล้วอาศัยมุมบ้านหลบภัย วินาทีนั้นทำอะไรไม่ถูก เกิดมาไม่เคยเจอพายุแรงขนาดนี้ เคยเจอแต่ลมแรงพัดหลังคาปลิวเท่านั้น ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมาแต่ก็ไม่รุนแรงเท่านี้ และเพิ่งจะซ่อมหลังคาไปได้ไม่นานก็มาถูกซ้ำอีกครั้ง ตอนนี้ยังมืดมนกับชีวิตที่บ้านพักเสียหายทั้งหลัง ยังมองไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตยังไงต่อ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสร้างบ้านให้กับครอบครัวที่ได้รับความเสียหาย
ในส่วนของพื้นที่มีบ้านเรือนประชาชนพังเสียหาย 5 หลัง มี 3 หลังที่เสียหายหนักสุด โดยเฉพาะบ้านสองชั้นที่พังทั้งหลัง


***************************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ