อนุกรรมาธิการด้านกีฬา วุฒิสภา เรียกกรมพลศึกษา-สพฐ. ถกเครียด หลังพบข้อมูลสุดช็อก เด็กไทย 5-17 ปี มีพฤติกรรม “เนือยนิ่ง” หรือ “ติดจอ” เฉลี่ยสูงปรี๊ดถึง 14.53 ชั่วโมงต่อวัน สวนทางกิจกรรมทางกายที่ทำได้แค่ 21.4% ต่ำกว่าเป้าลิบลับ ฟันธงสาเหตุหลัก “คาบพละ” น้อยเกินไปแค่ 1 ชม./สัปดาห์ กรมพละฯ ไม่รอช้า ชง “ยาแรง” ขนทัพ “วิทยาศาสตร์การกีฬา” ผ่าทางตันหลักสูตร หวังพลิกวิกฤตสุขภาพเด็กไทย
อนุกรรมาธิการด้านกีฬา วุฒิสภา เรียกกรมพลศึกษา-สพฐ. ถกเครียด หลังพบข้อมูลสุดช็อก เด็กไทย 5-17 ปี มีพฤติกรรม “เนือยนิ่ง” หรือ “ติดจอ” เฉลี่ยสูงปรี๊ดถึง 14.53 ชั่วโมงต่อวัน สวนทางกิจกรรมทางกายที่ทำได้แค่ 21.4% ต่ำกว่าเป้าลิบลับ ฟันธงสาเหตุหลัก “คาบพละ” น้อยเกินไปแค่ 1 ชม./สัปดาห์ กรมพละฯ ไม่รอช้า ชง “ยาแรง” ขนทัพ “วิทยาศาสตร์การกีฬา” ผ่าทางตันหลักสูตร หวังพลิกวิกฤตสุขภาพเด็กไทย
เมื่อวันที่ 22 ต.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา นายจำลอง อนันตสุข รองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกีฬา เป็นประธานประชุมพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมหลักสูตรวิชาพลศึกษาในโรงเรียน โดยมีนายสุวิช จำปานนท์ สมาชิกวุฒิสภา นายนิทัศน์ อารีย์ สมาชิกวุฒิสภาและคณะร่วมประชุมพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่นายมงคล วิมลรัก อธิบดีกรมพลศึกษา ดร.ณัฐพล ตันเจริญทรัพย์ ผอ.กลุ่มโครงการพิเศษตามนโยบาย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้แทนจากกองนโยบายการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ

นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบเด็กไทยอายุ 5-17 ปี มี “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” เฉลี่ยสูงถึง 14.53 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่เกิน 13 ชั่วโมงต่อวันไปไกล ขณะที่ “กิจกรรมทางกายที่เพียงพอ” (ระดับปานกลาง-หนัก 60 นาที/วัน) ทำได้เพียงร้อยละ 21.4 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึงร้อยละ 40 เนื่องจาก คาบเรียนพลศึกษาในโรงเรียนที่มีเพียง 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่ง “น้อยมาก”
กรมพลศึกษาจึงได้เสนอแนวทางเชิงรุก โดยชู “วิทยาศาสตร์การกีฬา” เป็นหัวหอกสำคัญในการแก้ปัญหา ไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมลุย 2 แนวรบหลัก พัฒนาทั้งด้านร่างกาย (Physical Fitness) และสติปัญญา (Cognitive) ดังนี้
1. ลุยเทสต์ “สมรรถภาพทางกาย” (Physical Fitness)
• จัดทำ “คู่มือแบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย” ฉบับใหม่ สำหรับเด็ก 7-18 ปี
• เปิด “ระบบจัดเก็บและรายงานผลออนไลน์” ให้โรงเรียนทั่วประเทศใช้งานฟรี! เพื่อให้ครูและโรงเรียนสามารถติดตามประเมินผลนักเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม
2. ล้ำขั้น “เทสต์สมอง” (Cognitive)
• ก้าวไปอีกขั้นด้วยการพัฒนา “ชุดทดสอบความสามารถทางสมองด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์” (Computerized Cognitive Test Battery) ที่ซุ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2563
• แบบทดสอบนี้จะวัดความสามารถสมองเด็กไทยอย่างละเอียด เช่น เวลาปฏิกิริยา (Reaction Time) ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial visualization) และการหมุนภาพในใจ (Mental rotation) เพื่อให้การพัฒนาเด็กรอบด้านอย่างแท้จริง
นอกจากนี้กรมพลศึกษายังได้วางไทม์ไลน์ชัดเจน โดยในปี 2569 เตรียมลุยโครงการเรือธง (Flagship) “โครงการวิทยาศาสตร์การกีฬาเคลื่อนที่เพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีฯ” (Sports Science Showcase) บุกไปโชว์เคสถึงโรงเรียน
พร้อมกันนี้ ยังเตรียม “ติดอาวุธ” ให้ครูพละทั่วประเทศ ด้วยการจัดอบรมพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทย์กีฬา ในหัวข้อสำคัญอย่าง “After School Program” (กิจกรรมหลังเลิกเรียน) และ “Active Classroom” (ห้องเรียนขยับ) ในช่วงวันที่ 1-3 เม.ย. 2569 เพื่อให้ครูสามารถออกแบบกิจกรรมทางกายเพิ่มเติมนอกเหนือคาบเรียนที่แสนจำกัด
ทั้งนี้คณะอนุกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตว่าพร้อมผลักดันและส่งเสริมแนวทางดังกล่าวอย่างจริงจัง เพื่อพลิกฟื้นสุขภาวะของเด็กไทยให้หลุดพ้นจากวิกฤต “ติดจอ-เนือยนิ่ง” อย่างเร่งด่วนที่สุด


