ข่าวทั่วไปพาดหัวข่าว

ปทุมธานี – ทนายรณรงค์พาผู้เสียหายเพิ่มแจ้งความอู่V10 มูลค่าความเสียหายกว่า35ล้านบาท

ปทุมธานีทนายรณรงค์พาผู้เสียหายเพิ่มแจ้งความอู่V10 มูลค่าความเสียหายกว่า35ล้านบาท

วันที่ 28 ต.ค.68 เจ้าของรถผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความอู่ V10 การาจ หลังพยายามติดต่อขอรถคืน แต่พบว่ารถหลายคันไม่อยู่ที่อู่แล้วและไม่ได้รับติดต่อกลับจากเจ้าของอู่ วันนี้จึงรวมตัวกันต้องการแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด มูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคมพาผู้เสียหายจำนวน 11 ราย ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ที่นำรถเข้าซ่อมกับอู่ซ่อมรถ v10 Garage ซึ่งในจำนวนผู้เสียหายจำนวนนี้ มีทั้งกรณีที่นำรถออกมาแล้วแต่ก็ไม่มั่นใจในอะไหล่ ชิ้นส่วนต่างๆที่อู่ซ่อมให้ ต้องการให้มีการตรวจสอบ อีกกรณี คือ ที่ยังไม่ได้นำรถออกจากอู่และพอติดต่อทวงถามไปที่คุณใหญ่เจ้าของอู่ก็เงียบไม่ได้รับการติดต่อกลับ และที่สำคัญคือผู้เสียหาย พยายามไป สอดส่องดูที่อู่ก็พบว่าอู่ปิดและไม่เห็นรถของตนเองจอดอยู่ในอู่แล้ว เฉพาะผู้เสียหาย 11 รายนี้ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 35 ล้านบาท โดยมีพ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรภิบูลย์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รองผกก.สอบสวนสภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง รองผกก.สส.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ต.อิทธิพล พุทธรักษา สว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.ปากคลองรังสิต เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้


โดยคุณหนึ่งทนายความของผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของรถยนต์เชฟโรเลต โคเวท สีแดง ราคา 9 ล้านกว่าบาท เล่าให้ฟังว่า รถของเธอนั้นมีประกันชั้น 1 และเกิดอุบัติเหตุถูกชนจนได้รับความเสียหายจึงตัดสินใจนำรถซ่อมที่ V10 การาจ ทางอู่ตีประเมินซ่อม 3.2 ล้านบาท ซึ่งประกันก็อนุมัติตามวงเงินนั้น และ อู่ก็การันตีว่า ซ่อมเสร็จใน 2 เดือน หลังตัดสินใจทำเรื่องซ่อมและอนุมัติวงเงินเรียบร้อย ตนได้จ่ายเงินงวดแรก 1.6 ล้านบาทจ่ายให้อู่แล้ว เหลืออีกครึ่งหนึ่งประมาณ 1.6 ล้านบาท ซึ่งสั่งซ่อมตั้งแต่ พฤศจิกายน 2566 จนถึงขนาดนี้ผ่านมา 2 ปีรถยังซ่อมไม่เสร็จตนก็ยังไม่จ่ายเงิน 1.6 ล้านเพราะทางอู่มีข้ออ้างสารพัดว่ายังขาดอะไรตัวนั้นตัวนี้ พอตนเองเห็นข่าวก็ยิ่งเกิดความกังวลใจต้องการขอรถคืนและนำไปซ่อมที่อื่นต่อ ปรากฏว่าติดต่อคุณใหญ่และคุณไข่มุกเจ้าของอู่ไม่ได้เลยสักคน ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่อู่เพื่อดูรถ พยายามสอดส่องเข้าไปด้านใน ซึ่งอู่ปิดอยู่แล้วก็ไม่พบรถของตนเองจอดอยู่ในอู่แล้ว
ด้านพ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรภิบูลย์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ต้องการสอบสวนผู้เสียหายก่อนว่าแต่ล่ะคดีจะเข้าข้อกฎหมายด้านใดบ้าง พร้อมต้องรอบรวมพยานหลักฐานซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทำอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว