หนุ่มหอบลูกน้อยแรกเกิดร้องสื่อ ถูกสาวมิจฉาชีพหลอกใช้บัตรประชาชนแลกเงินดอลล่า จับตัวส่งโรงพัก แต่ถูกปล่อยตัวหายเข้ากลีบเมฆ
หนุ่มหอบลูกน้อยแรกเกิดร้องสื่อ ถูกสาวมิจฉาชีพหลอกใช้บัตรประชาชนแลกเงินดอลล่า จับตัวส่งโรงพัก แต่ถูกปล่อยตัวหายเข้ากลีบเมฆ
หนุ่มหอบลูกน้อยแรกเกิดร้องสื่อ ถูกสาวมิจฉาชีพหลอกใช้บัตรประชาชนแลกเงินดอลล่าปลอมกับธนาคาร สูญเงินเกือบ 3 หมื่น ภายหลังเจอตัวสาวผู้ก่อเหตุนำหลักฐานแจ้งตำรวจ ส่งถึงโรงพักสุดท้ายถูกปล่อยตัวหายเข้ากลีบเมฆ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 มีนาคม 2568 นายเสกสรร พึ่งพัฒน์ อายุ 43 ปี คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างย่านอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ หอบลูกน้อยเพศชายแรกเกิดที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล มาพบกับผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมนำหลักฐานเอกสารและภาพถ่ายธนบัตรดอลล่ามาแสดงกับผู้สื่อข่าว เพื่อขอร้องเรียนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ถูกมิจฉาชีพเป็นหญิง อายุ 49 ปี คนหนึ่งหลอกลวงจนต้องสูญเงินเกือบสามหมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินที่เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการคลอดลูกชายที่โรงพยาบาล
โดยภาพจากคลิปมือถือที่ผู้เสียหายบันทึกภาพเอาไว้ได้ ในขณะที่ผู้เสียหายหรือคนขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างคนนี้ ไปเจอกับ นางสาว จินดาพร ตาสุวรรณ์ อายุ 49 ปี สาวผู้ก่อเหตุโดยบังเอิญขณะเดินอยู่ในชุมชนการเคหะเมืองใหม่บางพลี อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันก่อน จึงเข้าควบคุมตัวในฐานะผู้เสียหาย จากนั้นจึงพาตัวผู้ก่อเหตุไปยังสภ.บางเสาธง เพื่อส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี แต่สุดท้ายตำรวจให้เหตุผลว่าไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและร้อยเวรเจ้าของคดีที่นาย เสกสรรค์ ผู้เสียหายแจ้งความไว้ไม่อยู่ จึงไม่สามารถจับกุมหรือควบคุตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ และปล่อยตัวจนหลบหนีหายเข้ากลีบเมฆไป
นาย เสกสรรค์ ผู้เสียหาย บอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างและจอดรอลูกค้าที่วินในเคหะเมืองใหม่บางพลี ปรากฏว่ามีผู้ก่อเหตุเดินมาที่วินรถ และถามหาว่าที่ไหนรับแลกเงินดอลล่า ตนจึงบอกว่าที่ธนาคาร โดยผู้ก่อเหตุบอกตอนแรกว่ามีเงินดอลล่าแค่ใบเดียวในราคาฉบับละ 100 ดอลล่า ซึ่งได้มาจากหลานสาวที่ทำงานแถวพัทยา และว่าจ้างให้ตนขับรถจักรยานยนต์มาส่งที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สาขาเมืองใหม่บางพลี จากนั้นพอมาถึงธนาคารผู้ก่อเหตุได้ยื่นแบงค์ดอลล่าดังกล่าวให้พนักงานธนาคารเพื่อขอแลกเงิน ตอนแรกยื่นเพียง 1 แบงค์ แต่ทางธนาคารแจ้งว่าต้องใช้บัตรประชาชนของผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่งผู้ก่อเหตุอ้างว่าไม่ได้เอาบัตรมา และขอใช้บัตรประชาชนของตนในการแลกเงิน ด้วยความที่ตนเองไม่คิดอะไรและเห็นว่าผู้ก่อเหตุยื่นแบงค์ดอลล่าไปแล้ว ประกอบกับทางพนักงานธนาคารรับไปตรวจสอบตอนแรกก็ไม่เห็นความผิดปกติใดจึงเชื่อใจให้ใช้บัตรของตน
โดยผู้ก่อเหตุได้นำแบงค์ดอลล่าราคาเดียวกันออกมาอีก 7 ฉบับ รวมแล้ว 800 ดอลล่า ยื่นแลกเงินสกุลไทยกับทางพนักงานธนาคาร และทางพนักงานได้ส่งมอบเงินไทยที่แลกให้กับทางผู้ก่อเหตุด้วยมือของพนักงานเอง เป็นจำนวน 27,184 บาท จากนั้นก็แยกย้ายตามปกติ จนกระทั่งเกือบหกโมงเย็นของวันเดียวกัน ทางธนาคารโทรศัพท์กลับมาหาตนเองแจ้งว่าแบงค์ดอลล่าที่ผู้ก่อเหตุเอาไปแลกโดยใช้บัตรประชาชนของตนเองนั้น เป็นแบงค์ปลอม ทางธนาคารให้รีบไปติดต่อเพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวไปคืน หากไม่คืนจะถูกทางธนาคารแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ทำให้ตนเองต้องนำเงินที่เตรียมไว้สำรองจ่ายค่าคลอดลูกมาจ่ายคืนธนาคารไปก่อน จากนั้นรีบออกตามหาผู้ก่อเหตุแต่ก็ไม่เจอจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนทันที่ในคืนนั้น และเรื่องราวก็เงียบหายไปเกือบสองเดือนจนลูกถึงกำหนดคลอดทำให้ตนเองต้องไปหาหยิบยืมเงินก้อนดังกล่าวมาสำรองจ่ายค่าคลอดที่รพ. แต่ในระหว่างที่กำหลังจะพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อรอกำหนดคลอดนั้น บังเอิญไปเจอผู้ก่อเหตุเดินอยู่ในซอยภายในหมู่บ้านการเคหะเมืองใหม่บางพลีจึงเข้าไปล็อกตัว ซึ่งเจ้าตัวพูดเพียงขอโทษและอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นแบงค์ปลอม จึงตัดสินใจพาตัวผู้ก่อเหตุไป สภ. เพื่อจำดำเนินคดี แต่สุดท้ายตำรวจก็ปล่อยตัวผู้ก่อเหตุกลับไป ล่าสุดไม่สามารถติดต่อหรือพบตัวแต่อย่างใด ทั้งน้อยใจตำรวจทั้งเดือดร้อนที่ต้องไปหาหยิบยืมมาค่าคลอดลูก ตอนนี้อยากให้ตำรวจตามตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
*****************************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ