เกิดเหตุรถจิ๊บบรรทุกเด็กชายหญิงพ่อแม่5 คนนั่งมาภายในรถเลี้ยวยูเทิร์นกะทันหันทำให้รถบรรทุกปุ๋ยยูเรียหนัก 32 ตันพุ่งชนท้ายส่งผลให้น้ำมันโซล่าไหลนองกระจายบนพื้นถนน ก่อนที่ปุ๋ยยูเรียหลายตันร่วงลงพื้น เดชะบุญไม่มีเหตุรุนแรง เหตุเกิดที่หน้าโรงเรียนบ้านสำนักขาม อำเภอสะเดา
เกิดเหตุรถจิ๊บบรรทุกเด็กชายหญิงพ่อแม่5 คนนั่งมาภายในรถเลี้ยวยูเทิร์นกะทันหันทำให้รถบรรทุกปุ๋ยยูเรียหนัก 32 ตันพุ่งชนท้ายส่งผลให้น้ำมันโซล่าไหลนองกระจายบนพื้นถนน ก่อนที่ปุ๋ยยูเรียหลายตันร่วงลงพื้น เดชะบุญไม่มีเหตุรุนแรง เหตุเกิดที่หน้าโรงเรียนบ้านสำนักขาม อำเภอสะเดา
เมื่อเวลา 17:20 น ร.ต.ท.พงศกร เผ่าชาญณรงค์ รอง.สว.สอบสวน สภ.สะเดา ได้เดินทางมาตรวจสอบอุบัติเหตุรถ 18 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 47-3886 สมุทรปราการ ทะเบียนหางหมายเลข 74-3937 สมุทรปราการ บรรทุกปุ๋ยยูเรียจากประเทศมาเลเซียมุ่งหน้าไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขับขี่โดยนายสมบูรณ์ สีดำ อายุ 50 ปี บ้านอยู่ อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ชนท้ายรถจิ๊บไม่ทราบป้ายทะเบียน ขับขี่โดยนายสุรัส สไลรัตน์ อายุ 60 ปีบ้านอยู่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา ซึ่งมีเด็กชายอายุระหว่าง 8 ขวบถึง 10 ขวบ 3 คนรวมทั้งภรรยาอีก 1 คนรวม5คสนั่งอยู่ภายในรถ ถูกรถ 18 ล้อบรรทุกปุ๋ยยูเรียพุ่งชนท้ายอย่างจังจนน้ำมันเครื่องไหลนองพื้นโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ส่งผลให้ถุงบรรจุปุ๋ยยูเรียบิ๊กแพคขนาดใหญ่ร่วงหล่นมาจากรถให้รถ 18 ล้อหล่นบนพื้นกระจายเต็มท้องถนนจำ5ถุงบิ๊กแพค ทำให้การจราจรติดขัดตำรวจต้องปิดการจราจร 1 ช่องทางทำการเคลียร์ปุ๋ยยูเรียไม่ให้ผสมกับน้ำมันดีเซล และขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านมายืนมุงและช่วยกันกวาดเก็บปุ๋ยยูเรียใส่กระสอบนำไปเก็บไว้ริมถนนและบางคนก็ขนกลับบ้านเพื่อใช้เป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้
ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ทราบว่ารถจิ๊บขับรถอยู่ในช่องซ้ายสุด เมื่อถึงจุดยูเทิร์นหน้าโรงเรียนบ้านสำนักขามได้เข้าช่องขวากะทันหันในขณะที่รถหัวลากฮีโน่บรรทุกปุ๋ยยูเรียขับมาทางตรงไม่สามารถเบรคได้อย่างกะทันหันจึงพุ่งชนท้ายจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว จนไฟหน้ากันชนของรถ 18 ล้อได้รับความเสียหาย ส่วนรถจิ๊บเสียหายเพียงบางสาวน อย่างไรก็ตามตำรวจได้นำรถที่เกิดเหตุไปเก็บไว้ที่สภ.สะเดาและทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมค้นหากล้องวงจรปิดว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด
พี่เสือ นักข่าว สงขลา