ชุมพร – สาวใหญ่ 52 ปีดีใจนอนไม่หลับจะได้ทำบัตรประชาชนคนไทยเป็นครั้งแรกของชีวิต
ชุมพร – สาวใหญ่ 52 ปีดีใจนอนไม่หลับจะได้ทำบัตรประชาชนคนไทยเป็นครั้งแรกของชีวิต
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923154
รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เดินหน้าสำรวจ คนไทยที่ตกหล่นไร้สถานะเพื่อให้เข้าถึงสิทธิ์บริการของรัฐฯ ของ สนง.เขตสุขภาพที่ 11
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30 น นพ. อธิคม บัวเลิศ รอง ผอ. รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เป็นประธานเปิด โครงการสำรวจบุคคลไร้สถานะและตกหล่นทางทะเบียนให้มีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐฯด้วยการตรวจสารพันธุกรรม(DNA) อ.เมือง จ.ชุมพร งานของกลุ่มงานสังคมสังเคราะห์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ) ที่ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารเก่า รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมือง จ.ชุมพร โดยมีประชาชนคนสัญชาติไทยเชื้อชาติไทยที่ตกหล่นในพื้นที่ จ.ชุมพร ซึ่งประชาชนคนไทยในกลุ่มนี้ไม่มีบัตรประชาชนและเป็นผู้ตกหล่นสำรวจการลงทะเบียนเข้ารับการตรวจสอบ DNA วันนี้ทั้งหมด 14 คู่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์สารพันธุกรรม DNA กับฝ่ายปกครอง(อำเภอ) เพื่อให้ออกบัตรประจำตัวประชาชนในแต่ละอำเภอที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
นางวรรณา เปล่งขำ อายุ 52 ปี เล่าว่า มีความรู้สึกดีใจเพราะว่าวิ่งเต้นดำเนินการที่จะทำบัตรประชาชนมานานแล้วอายุก็ 52 ครึ่งชีวิตของคนแล้วมาได้โครงการดีดีที่จะช่วยทำบัตรประชาชนให้เพราะทางครอบครัวก็ไม่ค่อยมีเงินเป็นคนจนไม่มีตังค์ก็ทำไม่ได้ถ้าไม่มีโครงการดีดีอันนี้ก็อาจจะยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์ใดใดของรัฐบาลเลยแม้กระทั่งบัตรประชารัฐและสิทธิ์การรักษาพยาบาลต่างๆก็ไม่มีถ้ารักษาก็ต้องจ่ายเงินแพงเพราะจะต้องไปรักษาตามคลินิกถ้าไม่มีตังค์ก็ทนจนกว่าอาการป่วยจะหายเองดีใจมากเมื่อคืนไม่นอนหลับได้เพราะความดีใจที่จะได้บัตรประชาชน ในอายุครบ 52 ปี สาเหตุที่ไม่ได้ทำบัตรก็เพราะว่าไม่ได้แจ้งเกิดถิ่นอาศัยที่อยู่มันไกลความเจริญมีพี่น้องอยู่ด้วยกันสี่คนและตัวเองเป็นคนที่สองเพราะสมัยก่อนคุณแม่คลอดกับหมอตำแยไม่ได้คลอดกับโรงพยาบาลหรืออนามัยก็เลยไม่ได้แจ้งเกิด
นพ อธิคม บัวเลิศ รอง ผอ. รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กล่าวว่า “รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เราเป็นตัวแทนของสถานพยาบาลของ สำนักงานเขตสุขภาพที่ 11 ในการดำเนินการตรวจสารพันธุกรรม(DNA) เพื่อส่งต่อให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ประชาชนคนไทยไร้สถานะที่ตกหล่นในการลงทะเบียนในการเข้าถึงสิทธิบริการของรัฐฯ ซึ่งเราได้เดินหน้ามาแล้ว เพื่อให้ประชาชนคนไทยที่ไร้สิทธิได้มีสถานะของตัวตนให้ทางภาครัฐได้ออกเอกสารมายืนยันหลายรายแล้ว วันนี้เรามีประชาชนเข้ามาร่วมทั้งหมด 14 คู่ แต่ก็ถือว่ายังน้อยอยู่ เพราะต้องให้เวลาในการพิสูจน์และต้องมีค่าใช้จ่ายแต่ละรายจะสูงมาก แต่ละรายก็จะมีค่าใช้จ่ายไม่น้องกว่าหมื่นบาท ส่วนความยาก-ง่ายก็จะขึ้นอยู่กับความลึกในการพิสูจน์พันธุกรรมในแต่ละรายระหว่างคนไทยที่มีบัตรประชาชนถูกต้องมายืนยันแสดงตัวให้กับผู้ตกหล่นที่เข้ารับการตรวจเพื่อรับสิทธิในการนำข้อมูลส่งต่อให้กับฝ่ายปกครองหรืออำเภอในพื้นที่ที่อาศัย ได้ออกบัตรประชาชนให้กับรายนั้นๆ
ทั้งนี้ เมื่อประชาชนคนไทยที่ไม่มีการยืนยันตัวตนหรือไม่มีบัตรประชาชน ก็จะไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐฯ เช่น ไม่มีสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล หรือบางกรณีเสียชีวิตญาติก็ไม่สามารถนำศพไปดำเนินการได้ เพราะต้องรอส่วนราชการที่เกี่ยวข้องออกหนังสือยืนยันในสิทธิ์นั้นๆให้กับญาติได้ บางรายก็จะเป็นไปสร้างปัญหาให้กับลูกหลานที่ต้องไปเรียนหนังสือหรือทำงานในอนาคตก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารบัตรประชาชนที่ถูกต้อง ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็เป็นคนไทยเหมือนเราๆเช่นกัน เข้าโรงพยาบาลรับการรักษาก็ไม่ได้ หรือทำนิติกรรมที่ดินหรืออย่างอื่นก็ไม่ได้ ทำนิติกรรมทางกฎหมายกับสถาบันการเงินหรือกับส่วนราชการก็ไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานบัตรประชาชนที่ทางราชการออกมายืนยันตัวตนมาใช้ในการแสดงสิทธิ์ ซึ่งนี่คือปัญหากับคนในกลุ่มนี้ของสังคม
อย่างแรงงานต่างด้าว “ชาวเมียร์ม่าร์” เขายังมีบัตรที่ทางราชการออกเพื่อยืนยันตัวตนกับทางราชการของเราเลย นี่คนไทยด้วยกันแท้ๆกลับไม่มี คนกลุ่มนี้จึงน่าสงสารมากๆ ทางเราจึงไม่จำกัดระยะเวลาให้บริการทำไปเรื่อยๆเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงสิทธิ์”
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่งที่มีลูกบ้านยังไร้สิทธิ์ในการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ น.ส.เติมศิลป์ สุตราม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร กล่าวว่า “มีหลายคนที่ยังเข้าใจผิด แล้วไม่เข้ามาแสดงสิทธิ์ยืนยันตัวตน หลายรายมีปัญหาต่างกัน บางรายยังไม่เข้าเกณฑ์ผู้สูงอายุ และไม่เคยใช้สิทธิ์เลือกตั้ง การเข้ารับการรักษาพยาบาลเขาไม่มี ในฐานะที่เราเห็นความสำคัญจึงได้พยายาม หลังมีโครงการนี้เกิดขึ้นก็ได้รณรงค์ประชาชนในพื้นที่ให้เข้ามา แล้วต้องนำญาติที่มีบัตรประชาชนมาช่วยยืนยันและตรวจ DNA ด้วย บางรายก็ไม่ดิ้นรนที่จะมีบัตร แต่เมื่อถึงคราวก็เป็นปัญหา เพราะไม่เคยติดต่อกับทางราชการเลย อย่างบางรายมีอายุ 50 กว่าปี รายนี้มีลูก 2 คน ซึ่งลูกก็ต้องไปใช้สิทธิ์อนาถาจนสร้างปัญหายุ่งยากมากๆกับทางราชการ บางรายญาติอาศัยอยู่ต่างจังหวัดเดินทางมาทำงานกับแม่แล้วแม่ก็ทิ้ง จนปัจจุบันก็มีครอบครัวที่ จ.ชุมพร แล้วก็มีครอบครัวและมีลูกอีก 1 คน ซึ่งเขาก็ไปติดต่อราชการแล้วอยากจะมีบัตรก็เข้ามาร่วมในโครงการซึ่งก็ดำเนินการอยู่ซึ่งต้องสืบค้นหาพ่อ-แม่ หรือพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดในขณะนี้เพื่อเข้ามายืนยันเข้าลงทะเบียนกับโครงการฯ