ร้องสื่อ!” แฉพฤติกรรมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแอบขุดทรายทะเลขาย เผยรายได้เที่ยวละหลายร้อย ไร้การตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ
ร้องสื่อ!” แฉพฤติกรรมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแอบขุดทรายทะเลขาย เผยรายได้เที่ยวละหลายร้อย ไร้การตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ
21 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร้องผ่านสื่อให้ตรวจสอบการลักลอบขุดและขนย้ายทรายทะเลในพื้นที่ริมชายหาดบริเวณ คลองหนองข้าวเหนียว และริมชายหาดหนองแขมใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในการดูแลของกรมเจ้าท่า โดยมีการนำทรายทะเลไปจำหน่ายให้กับกลุ่มทุนและชาวบ้านที่ต้องการนำไปถมที่ ขณะที่ชาวบ้านมีการนำโพสต์ในไลน์กลุ่มของชุมชนหมู่ 2 ส่งให้ผู้สื่อข่าว ซึ่งในโพสต์กล่าวถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ มีการประการลงโพสต์ถึงการนำทรายทะเลออกไปใช้ประโยชน์ทำรายได้ร่วมกับผู้รับเหมานับหมื่นบาทต่อครั้ง ทราบว่าทำเป็นขบวนการมาหลายปี แต่ไม่มีหน่วยงานใดเห็นพฤติกรรม และอาจมีผู้นำชุมชนบางรายใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมานำทรายทะเลไปใช้ประโยชน์อย่างไม่เหมาะสมหรือไม่
ซึ่งจากโพสต์ในกลุ่มไลน์ชุมชนหมู่บ้าน ที่มีข้อความแนบชัดเจนว่า “ท่านใดต้องการทรายทะเลไปใช้ประโยชน์หรือถมที่ ให้แจ้งได้ที่ผู้ช่วยชาญได้เลยครับ” โดยมีการระบุราคาค่าขนส่งทรายอย่างชัดเจนว่า รถสิบล้อเที่ยวละ 600 บาท พร้อมบริการรถไถเกลี่ยหน้าดิน และรถหกล้อเที่ยวละ 400 บาท ซึ่งการโพสต์ประกาศดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเข้าข่ายนำทรัพยากรของรัฐไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่มีหน่วยงานราชการใดเข้ามาตรวจสอบหรือไม่
ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามโฟสต์ร้องเรียน ปรากฏว่ามีชายวัยกลางคน 2 ราย ขับรถกระบะสีดำเข้ามาหา พร้อมแสดงตัวว่าเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และอีกคนคือ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวถึงในโพสต์ โดยทั้งสองคนพยายามอธิบายเหตุการณ์ว่า การขุดทรายในพื้นที่ดังกล่าวเป็นผลมาจากมติชุมชนที่ต้องการเปิดทางน้ำในคลองหนองข้าวเหนียว เพื่อให้เรือประมงพื้นบ้านสามารถสัญจรได้สะดวกขึ้นทำแบบนี้มาหลายปีโดยทางกรมเจ้าท่าไม่ทราบ
ขณะที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอ้างว่า ทรายที่ขุดขึ้นมาไม่มีที่กองเก็บ จึงแจ้งชาวบ้านให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยคิดเฉพาะ “ค่าขนส่งและค่าใช้จ่าย” เท่านั้น ไม่ใช่การขายเพื่อหวังผลกำไร ทั้งนี้ชุมชนจะได้รับส่วนต่างเที่ยวละ 50 บาท เข้ากองกลางหมู่บ้านเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่การทำธุรกิจส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของ “ความร่วมมือและความสมัครใจ” ของชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นร้อนที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในหมู่บ้านคือ การดำเนินการขุดทรายจากพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า โดยไม่มีเอกสารแสดงการขออนุญาตอย่างชัดเจน และยังมีข้อสงสัยว่า การนำทรายทะเลไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้ แม้จะอ้างว่าเป็นความสมัครใจของผู้รับ ก็อาจเข้าข่ายการลักทรัพย์ในพื้นที่ของรัฐหรือไม่
ขณะที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งมองว่า พฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็น “ขบวนการแอบลักหลับกรมเจ้าท่า”ใช้ช่องว่างของระบบราชการในการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่มีการควบคุมหรือระบบการจัดเก็บรายได้ที่โปร่งใส และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า, สำนักงานที่ดิน, สำนักงานจังหวัด และ ป.ป.ช. ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว///////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 064-364-1644