ปทุมธานี – 2สาวร้องปวีณาช่วยหลังทำสัญญาไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบียแต่ถูกปิดกิจการหนี
ปทุมธานี2สาวร้องปวีณาช่วยหลังทำสัญญาไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบียแต่ถูกปิดกิจการหนี
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 พ.ค.68 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ครอบครัว น.ส.กรพินธุ์ อายุ 26 ปี ลูกสาวของ น.ส.จรรยา อายุ 49 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ และครอบครัวที่ 2 นายธิติวุฒิ น้องชายของน.ส.กมลรัตน์ อายุ 50 ปี ชาว จ.ชลบุรี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ทั้ง 2 ครอบครัวแจ้งว่า แม่และพี่สาวของตนทั้งคู่ได้เดินทางไปทำงานนวดสปาที่ร้านนวดแห่งหนึ่งในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างถูกกฎหมายโดยติดต่อผ่านบริษัทจัดหางานแห่งหนึ่ง ย่านรามอินทรา กรุงเทพฯ และกระทรวงแรงงาน มีสัญญาจ้างงาน 2 ปี แต่เมื่อวันที่ 10 มี.ค.68 เจ้าของร้านนวดชาวซาอุดิอาระเบีย 2 คน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนมีปัญหากันเองได้ปิดกิจการลงกะทันหัน และค้างค่าแรงพร้อมทั้งค่าคอมมิชชั่นแม่กับพี่สาวคนละประมาณ 4,000 ริยัลซาอุดีอาระเบีย หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 34,000 บาท และเจ้านายไม่ยอมทำวีซ่าออกนอกประเทศ (exit visa) ให้ ทำให้แม่และพี่สาวต้องติดอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย 2 เดือนกว่าแล้ว ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเช่าบ้านและค่ากินอยู่ที่สูงมาก โดยแม่และพี่สาวได้ไปติดต่อกรมแรงงานไทยที่เมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.68 และทางบริษัทจัดหางานที่พาไปก็ช่วยประสานงานให้แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานกระทรวงแรงงานให้ทั้งสองคนได้กลับไทยโดยเร็ว
หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้โทรศัพท์คุยกับ น.ส.จรรยา และน.ส.กมลรัตน์ ซึ่งอยู่ในบ้านเช่าที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย น.ส.จรรยา กล่าวว่า ตนกับน.ส.กมลรัตน์ มาทำงานนวดสปาที่ซาอุดิอาระเบียผ่านบริษัทจัดหางานเดียวกันเมื่อวันที่ 7 พ.ค.66 จึงมารู้จักกันที่นี่ โดยเซ็นสัญญาจ้างงาน 2 ปี ในสัญญาระบุว่า เริ่มงาน 8 พ.ค.66 สิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ 7 พ.ค.68 เป็นงานนวดสปา ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ได้หยุดสัปดาห์ละ 1 วัน ค่าจ้างต่อเดือน 900 ดอลล่าร์ หรือ 3,375 ริยัลซาอุดีอาระเบีย หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 29,000 บาท นายจ้างจะจ่ายค่าที่พัก อาหาร และทำประกันสุขภาพให้ หากนวดได้มากว่า 30 คนต่อเดือนจะมีค่าคอมมิชชั่นพิเศษ 1,000 ริยัลซาอุดีอาระเบีย หรือประมาณ 8,500 บาท ช่วงแรกที่เดินทางมาถึงใหม่ๆ มีหมอนวดหญิงไทยในร้าน 5 คน แต่ก็อยู่กันได้แค่ไม่กี่เดือนเพราะเห็นว่านายจ้างไม่ทำตามข้อตกลง ค้างค่าเช่าบ้านของพนักงานจนต้องย้ายที่อยู่กันหลายแห่ง เงินเดือนออกล่าช้า แถมยังไม่ทำประกันสุขภาพให้ แต่ตนทั้งสองคนก็ทนอยู่เพื่อให้ครบสัญญาวันที่ 7 พ.ค.68 จู่ๆ นายจ้างก็มาปิดกิจการในวันที่ 10 มี.ค.68 โดยบอกล่วงหน้าแค่ 3 วัน โดยเจ้าของร้านบอกว่า จะทยอยจ่ายเงินที่ค้างให้กับพนักงานทุกคน ตนสองคนจึงได้เช่าบ้านอยู่เพื่อรอเงินเดือนและรอให้นายจ้างไปทำวีซ่าออกนอกประเทศ (exit visa) ให้ เพื่อจะได้เดินทางกลับบ้าน แต่นายจ้างก็เงียบหายยังไม่จ่ายเงินเดือนที่ค้างและไม่ทำวีซ่าออกนอกประเทศ (exit visa) ให้
กระทั่งวันที่ 10 เม.ย.68 ตนสองคนจึงได้ไปติดต่อยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากทางกรมแรงงานไทยในเมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย และแจ้งเรื่องไปทางกงสุลไทยในเมืองเจดดาห์เพื่อขอทำวีซ่าออกนอกประเทศ (exit visa) แต่ผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้วเจ้าหน้าที่กรมแรงงานไทยในเมืองริยาดยังให้รอ เรื่องยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่เดือนมิ.ย.68 นี้ทางประเทศซาอุดิอาระเบียจะเป็นช่วงเทศกาลของเขาที่มีวันหยุดยาวถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งเราสองตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่เพราะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,000 ริยัลซาอุดีอาระเบีย หรือประมาณ 17,000 บาท และค่ากินอยู่ ไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายต้องให้ทางบ้านส่งมาให้
น.ส.จรรยา และน.ส.กมลรัตน์ ยังได้ฝากคำเตือนไปยังคนไทยที่คิดจะมาทำงานที่ซาอุดีอาระเบียว่า “อยากขอเตือนคนไทยที่คิดจะเดินทางมาทำงานที่ซาอุดีอาระเบียต้องคิดให้ดีก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะเจอนายจ้างดีหรือไม่ ตนมาทำงานที่นี่ก็มีคนไทยหลายคนโดนนายจ้างเทไม่รับผิดชอบ”
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้หลังได้รับแจ้งเรื่องจากญาติเมื่อวันที่ 25 พ.ค.68 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯพา 2 ครอบครัว เข้ายื่นเรื่องที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 26 พ.ค.68 และได้ประสาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ให้การช่วยเหลือสองหญิงไทยผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน โดยล่าสุดวันนี้ได้รับแจ้งจากกระทรวงแรงงาน ว่าได้ดำเนินการทำวีซ่าออกนอกประเทศให้กับ 2 หญิงไทย และจะได้เดินทางกลับบ้านในเร็ววันนี้