ปทุมธานี – เจ้าของหอพักมหาภัยแจ้งความกลับตำรวจ 13 นายฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ปทุมธานีเจ้าของหอพักมหาภัยแจ้งความกลับตำรวจ 13 นายฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
วันที่ 2 มิ.ย.68 ความคืบหน้ากรณีหอพักย่านรังสิต จ.ปทุมธานี หรือที่หลายคนคุ้นหูในชื่อ “หอ หึ หึ” ที่นักศึกษากว่า 20 ราย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของหอพักในข้อหากรรโชกทรัพย์และทำร้ายร่างกาย ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ได้ร่วมรวมพยานหลักฐานและนำหมายค้นพร้อมหมายจับเข้าดำเนินการ 3 คน พ่อ แม่ ลูก ที่เป็นเจ้าของหอ โดยผู้ต้องหาทั้งสามได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและได้ยื่นประกันตัวออกไป
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 พ.ค.68 อดีตนายตำรวจพร้อมด้วยภรรยาเจ้าของหอพักได้เดินทางมาที่สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อมาแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รอง ผกก.(สอบสวน)หน.งานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ในข้อหา หมิ่นประมาท โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค.68 เวลากลางวัน ได้มี พ.ต.ท.เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าว โดยใส่ความว่าอดีตนายตำรวจพร้อมด้วยภรรยา “ เป็นคนไม่ดี และมีเจตนาให้ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง …..
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.68 ทางด้านอดีตนายตำรวจได้เดินทางมาที่สภ.ปากคลองรังสิตอีกครั้งเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทั้งชุด รวม 13 นาย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ด้านพ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผู้กำกับการ สภ.ปากคลองรังสิต เปิดเผยว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 13 นายถูกเจ้าของหอพักแจ้งความกลับจริง โดยเป็นการใช้สิทธิ์ตามกรอบของกฎหมายที่เจ้าของหอพักสามารถทำได้ แต่ตนมองว่า มันไม่ปกติเพราะคดีนี้ตำรวจกระทำการด้วยความรอบคอบและดำเนินการทุกอย่างตามกรอบกฎหมาย ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดแรงปะทะ ยิ่งเข้าดำเนินการกับอดีตนายตำรวจที่รู้กฎหมาย แต่ไม่คิดว่า จะถึงขั้นแจ้งความกลับตำรวจหลังจากที่ทราบเรื่องตนก็รีบเดินทางมาดูแลเรื่องขวัญและกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาและให้ความมั่นใจกับลูกน้องว่าเราปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงตอนนี้ทราบเรื่องแล้วและกำลังดูในรายละเอียดว่า จะต่อสู้กันในแนวทางไหน
ขณะที่ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ได้พูดคุยกับ 1 ใน 13 ตำรวจชุดจับกุม ที่ถูกแจ้งความกลับ เปิดเผยว่า ตนเป็นข้าราชการตำรวจมา 30 ปี ประจำอยู่ที่สภปากคลองรังสิตมา 20 ปี ทราบปัญหาเรื่องหอพักดังกล่าวมาตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เคยเข้าไปดำเนินการก็ถูกเจ้าของหอข่มขู่ตลอดเรื่องจะดำเนินคดีกับทางตำรวจ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนผู้บังคับบัญชาในยุคปัจจุบัน สั่งและกำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งชุดของพวกตนก็ทำด้วยความนะมัดระวังและเดินตามกรอบกฎหมายทุกอย่าง แต่มาถูก แจ้งความกลับแบบนี้ยอมรับว่า ตำรวจทุกนายและครอบครัวรู้สึกเครียด เป็นกังวลอย่างมากอย่างกรณีของตนทำคดีมาเป็นร้อยคดี ไม่เคยถูกแจ้งความกลับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งตนเหลืออายุราชการอีก 8 ปี ไม่รู้ว่า ต้องสู้คดีไปอีกนานแค่ไหน บางครั้งก็รู้สึกท้อและต้องมาเจอเรื่องแบบนี้มันเสียสุขภาพจิต ตนอยากฝากถึงคู่กรณีว่า ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง สิ่งที่ตนและพวกทำก็ทำตามหน้าที่และทำตามกรอบของกฎหมาย ไม่ได้ทำตามกระแสสังคมอย่างที่คู่กรณีเคยพูดไว้หรืออย่างหลายคนเข้าใจขณะเดียวกันความคืบหน้าในคดีหลักที่นักศึกษาผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่านักศึกษาจำนวนมากได้ทยอยย้ายข้าวของออกจากหอพักดังกล่าวแล้ว และทางเทศบาลได้สั่งรื้อถอนอาคารหอพัก เนื่องจากพบว่าไม่มีการขออนุญาตก่อสร้างและดำเนินการตามพระราชบัญญัติหอพักอย่างถูกต้อง