รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์กัดเซาะชายฝั่ง เร่งเตรียมแผนรับมือการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน
รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์กัดเซาะชายฝั่ง เร่งเตรียมแผนรับมือการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน
วันที่ 6 มิถุนายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ณ จังหวัดสมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร ในพื้นที่วัดขุนสมุทรจีน อ.พระสมุทรเจดีย์ชายฝั่งคลองด่าน อ.บางบ่อ และ หลักเขตกรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน โดยมี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือจังหวัดสมุทรปราการ และ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้การต้อนรับพร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน โดยรองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความสำคัญของการเตรียมมาตรการรับมืออย่างเป็นระบบพร้อมเร่งผลักดันแผนแม่บทป้องกันและปรับตัวในระยะยาวเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าที่ผ่านมา พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนโดยเฉพาะเขตจังหวัดสมุทรปราการและกรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจและชุมชนที่มีประชากรกว่า 12 ล้านคนอยู่อาศัยซึ่งบริเวณที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่บางขุนเทียนปากคลองขุนราชพินิจใจบ้านขุนสมุทรจีนและบ้านแหลมสิงห์โดยสถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้นในอนาคตเนื่องจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้ธารน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นคาดว่าในปี ค.ศ.2050 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นราว 0.5 เมตรและอาจสูงถึง 1 เมตรในปี ค.ศ.2100 ขณะที่ในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจเพิ่มขึ้นถึง 2.5 เมตรหากเกิดการล่มสลายของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลก ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้แก่ การสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาแม่กลองท่าจีนและบางปะกงรวมถึงการรุกตัวของน้ำเค็มซึ่งกระทบต่อการผลิตน้ำประปาและการเกษตรในวงกว้าง
รัฐบาลเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งศึกษาจัดทำ “แผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”โดยเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศเพื่อกำหนดแนวทางการรับมือที่เหมาะสมและยั่งยืนซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียและความเสียหายต่อเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงจะมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) การรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่การวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนและการพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนชายฝั่งในระยะยาวด้วย
ทั้งนี้ แผนแม่บทดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี พ.ศ.2569 ซึ่งรัฐบาลหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการกำหนดแนวทางการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบนที่เป็นรูปธรรมและนำไปสู่การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
*******************************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ