ปทุมธานี – ต้นอ้อเป็นหนึ่งลุยช่วยหลานสาววัย 10 ปี ถูกตาเลี้ยงล่วงละเมิด
ปทุมธานีต้นอ้อเป็นหนึ่งลุยช่วยหลานสาววัย 10 ปี ถูกตาเลี้ยงล่วงละเมิด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ส.ค.68 ต้นอ้อ เป็นหนึ่งพร้อมด้วยพมจ.จังหวัดปทุมธานีได้เดินทางมาที่สภ.คลองหลวง เพื่อติดตามคดีตาเลี้ยงอนาจารหลานสาววัย 10 ขวบ
ด้านต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้ให้สัมภาษณ์ว่ามีผู้ปกครองคนหนึ่งได้แจ้งเข้ามาที่มูลนิธิต้นอ้อ เป็นหนึ่งว่าตนเองได้ไปเห็นใลน์กลุ่มของลูกคุยกันซึ่งเป็นเด็กนักเรียนป.4ป.5 อายุ10 ขวบ ปรึกษากันว่าซึ่งเด็กคนหนึ่งก็บอกว่ามีพ่อเลี้ยงชอบมาลวนลามเขา กระทำอนาจารเขา ซึ่งก็มีเด็กคนหนึ่งก็บอกว่ามีตาเลี้ยงก็พยายามล่วงละเมิดทางเพศเขา มีการใช้มือสอดใส่อวัยะเพศบ้าง มีการเลียหน้าอกบ้าง ซึ่งเป็นคำพูดที่เด็กเขาคุยกันซึ่งเห็นแล้วก็สะเทือนใจ
ซึ่งมีผู้ปกครองที่มาร้องเรียนกับตนเองพยายามที่จะเข้าช่วยเหลือซึ่งอยากที่จะไปรับเด็กให้มาอยู่กับตนเองและได้ร้องเรียนไปที่ต่างๆ ซึ่งคุณแม่ท่านนี้ได้แจ้งกับทางโรงเรียนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.2568 ตนเองก็ถามคุณแม่ว่าไม่มีไครช่วยเลยเหรอซึ่งคุณแม่ก็บอกว่าไม่มีเลยค่ะ และมีไครแจ้งผู้ปกครองเด็กไปไหมซึ่งืทางโรงเรียนไปแจ้งกับทางยายว่าน้องอยากอยู่ห้องส่วนตัวแต่ไม่ได้แจ้งเรื่องที่ถูกตาเลี้ยงกระทำอนาจาร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจว่าทางโรงเรียนกลัวอะไรหรือเปล่าหรือไม่อยากให้เด็กอาย ตามจริงแล้วประเทศไทยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเด็กอยู่แล้วคือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถึงอย่างไรก็ตามแต่ถ้าอยากจะช่วยเด็กให้โทรหาพม.ก่อนได้เลยหมายเลขโทรศัพท์1300 เพราะตนเองมองว่าการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเด็กท่าเราไม่ทำเลยก็จะส่งผลระยะยาว ซึ่งผู้ปกครองท่านนี้ก็โดนต่อว่าจากหลายท่าน และผู้ปกครองก็มีความเครียด และเขาก็มาปรึกษาตนเองว่าเขาจะทำยังไงดีเพราะเด็กคนนี้เป็นเพื่อนของลูก ถ้าคิดกลับกันว่าถ้าเป็นลูกคุณล่ะจะทำยังไง ซึ่งตนเองก็บอกว่าไม่ต้องกลัว จนผู้ปกครองไว้ใจตนเองและส่งหลักฐานต่างๆมาให้เกี่ยวกับเด็กที่ถูกตาเลี้ยงกระทำอนาจาร และตนเองก็ได้ประสานพมจ.จังหวัดปทุมธานี และบ้านพักเด็กเข้าช่วยเหลือ จนมาถึงวันนี้เราจะไปรับเด็กที่โรงเรียนแต่ทางโรงเรียนได้ตื่นตัวแล้วพาเด็กเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่สภ.คลองหลวงก่อนที่ตนเองจะมาถึง
และเมื่อสอบปากคำแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็จะไปเชิญคุณตาเลี้ยงมาและทางคุณยายก็ยังไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าอย่ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของสถาบันครอบครัวเมื่อเด็กไม่มีที่พึ่งทางโรงเรียนก็ต้องเป็นที่พึ่งของเด็กเพราะโรงเรียนเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ของเขา และอย่ากลัวเสียชื่อเสียง ถ้าคุณช่วยเด็กชื่อเสียงคุณจะเยี่ยมมากๆแต่ถ้าคุณยังเพิกเฉยก็มีแต่คำว่าเสีย ตนเองไม่ได้บอกว่าโรงเรียนไม่ได้ช่วยนะแต่ 90% ที่ตนเองเข้ามาช่วยเด็กนั้นทางโรงเรียนบอกว่าอย่าไปยุ่งเลยเพราะว่าเป็นเรื่องของสถาบันครอบครัวถ้าเราปล่อยเรื่องนี้ไปอีกสักเดือนหนึ่งแล้วเด็กตั้งครรภ์ขึ้นมาอะไรมันจะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ตัวเด็กก็เสียใจมากพอแล้วแล้วถ้าวันหนึ่งต้องไปยุติการตั้งครรภ์เขาจะเสียใจมากขนาดไหน