ข่าวทั่วไปพาดหัวข่าว

ปทุมธานี – เสียงประชาชนชาวนาถูกจับเป็นตัวประกันรัฐสั่งห้ามเผาตอซังของขั้นตอนการทำนา ต้องเหิ่มต้นทุนสูงขึ้น

ปทุมธานีเสียงประชาชนชาวนาถูกจับเป็นตัวประกันรัฐสั่งห้ามเผาตอซังของขั้นตอนการทำนา ต้องเหิ่มต้นทุนสูงขึ้น

นายยอด สร้อยทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งทำนา 20 ไร่เป็นอาชีพหลักของครอบครัว กล่าวว่าอุปสรรคและขั้นตอนของการทำนามีเยอะและก็มากขึ้น อย่างเช่นกรณีปัญหามลพิษที่ทางรัฐออกระเบียบกฎหมายห้ามเผาตอซัง เป็นการแก้ไขปัญหาที่ขาดการวิเคราะห์และวิจัยอย่างละเอียด เนื่องจากปัญหามลพิษที่เป็นอยู่ในปัจจุบันสาเหตุหลักน่าจะเกิดจากควันรถที่วิ่งบนท้องถนน มากว่าการเผาตอซังของชาวนา เอาแค่จังหวัดปทุมธานีของเรามีรถยนต์จำนวนนับแสนคันที่ร่วมกันปล่อยควันพิษ ถ้าจะรวมไปที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆในจังหวัดปทุมธานีก็ย่อมกล่าวถึงได้ที่ร่วมกันปล่อยควันพิษ มากบ้างน้อยบ้างของแต่ละโรงงาน การห้ามเผาตอซังของภาครัฐ เป็นการมัดมือชกซ้ำเติมชาวนา จับชาวนาเป็นตัวประกัน แทนที่พวกเราชาวนาจะสามารทำนาได้อย่างรวดเร็วกลับต้องมารอเวลาให้ตอซังย่อยสลายเองซึ่งใช้เวลานานกว่าจะได้ทำนาในแต่ละรอบ และทำให้คุณภาพของข้าวด้อยลง ได้ข้าวปริมาณน้อย ต้นทุนการทำนาสูง ข้าวราคาตกต่ำเกวียนละ 5000 ถึง 6000 บาท ถึงแม้ว่าพวกเราชาวนาจะแหกปากเรียกร้องและชี้แจงถึงต้นทุนการทำนาในแต่ละรอบของการทำนา ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากภาครัฐเท่าที่ควรจะเป็น ทำให้พวกเราชาวนาต้องเผชิญชะตากรรมกันต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าได้ติดตามข่าวสารจากภาครัฐ ก็จะมีการตั้งโพเดียวให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาแถลงเรื่องราคาข้าวตกต่ำ คำก็อ้างว่าเป็นกลไกทางการตลาดสองคำก็อ้างว่ากลไกทางการตลาดไม่ได้มีการลงลึกถึงสาเหตุและรายละเอียดต่าง แม้แต่เด็กๆที่ไม่ได้เรียนหนังสือยังคิดออกเลย ราคาข้าวเปลือกถังละ 60-70 บาท แต่เมื่อนำมาแปลงเนข้าวสารถังละ 600 บาท อย่างนี้ใครรวยใครอยู่ได้พวกเราชาวนาทำกันแทบตาย แต่ผลกำไรไม่มีเลย เลิกเสียเถอะครับการห้ามเผาตอซังข้าวที่อ้างส่งผลกระทบต่อมลพิษโดยรวม วันนี้คนไทยทั้งประเทศยังมีข้าวกิน เพราะมีชาวนายอมเหน็ดเหนื่อยคอยค้ำจุนเสถียรภาพของรัฐเอาไว้เมื่อถึงจุดสิ้นหวังไม่มีคนทำนาหรือมีคนทำนาน้อยลงผลผลิตจากการข้าวก็น้อยลงไม่เพียงพอต่อการบริโภคของคนทั้งประเทศ เกิดวิกฤตข้าวยากหมากแพงต้องนำข้าวเข้ามาจากต่างประเทศ เมื่อถึงวันนั้นจริงราคาข้าวสารที่เราเคยซื้อกันถังละ 600 บาทก็คงสูงขึ้นถึงถังละ 1,000 บาท มีความเป็นไปได้สูง


ผู้ใหญ่ยอด ได้พูดประชดเรื่องราคาข้าวบอกว่าดีมากแต่อยู่ไม่ได้เนื่องจากต้นทุนมันสูงและยิ่งรัฐบาลให้งดเผาต่อสั่งโดยบอกว่าเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากฝุ่นที่เผาตอซัง ถ้ามองย้อนกลับไปสมัยปู่ย่าตายายเขาก็เผาตอซังกันมาตลอดระหว่างที่โรงงานปล่อยรถยนต์ปล่อยสร้างตึกสร้างอาคาร ถ้ามาเปรียบเทียบกับการเผาตอซังของชาวไร่ชาวนา ตนมองว่ามันไม่ใช่เลยคนละแบบกันถ้าเป็นมลพิษจริงรุ่นปู่ย่าตายายก็คงอยู่มาไม่ถึงปัจจุบันนี้ และยิ่งตอนนี้เมื่อชาวนาเผาตอซังไม่ได้ปัญหาก็เกิดขึ้นทันที เช่น ข้าวดีดชาวนาก็ต้องรีบแก้ไขแก้ปัญหาจากข้าวดีดถึงแม้ว่าชาวนาจะป้องกันอย่างไรมันก็ไม่หมดข้าวดีดมันจะขึ้นตอนที่ชาวนาได้ใส่ปุ๋ยลงไปแล้ว ก็จะเริ่มแทรกแซงกับข้าวของเราในตอนนั้นเลย ยกตังอย่างถ้าเราต้องการได้ข้าวร้อยเปอร์เซ็นต์มีข้าวดีดขึ้นมาแทรกก็จะเหลือ 10% ชาวนาก็ต้องยอม ถ้าได้เข้าวถึง 50หรือ 60% ก็พออยู่รอด ปัญหาการที่ไม่ให้ชาวนาพอตอซังโดยใช้น้ำหมักที่หน่วยงานของรัฐให้ความช่วยเหลือพอชาวนาเริ่มหมักตอซังวิดน้ำเข้าไปชาวหมู่บ้านจัดสรรก็ร้องขึ้นมาอีกว่าส่งกลิ่นเหม็นเน่าเกิดยุงเป็นจำนวนมาก ตนเองมองว่าระบบนิเวศทุกวันนี้มันไปคู่กันไม่ได้ ส่วนปัญหาเรื่องตอซังถ้าชาวนาไม่สามารถเผาได้ แต่ถ้าเผาจริงๆแล้วตนเองยืนยันว่าไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งชาวนาก็ทำไม่ได้เพียงแต่นั่งมองโดยมีการออกนโยบายมาว่าให้ไถกลบตอซังชาวนาก็ต้องไปจ้างรถไถกลบอีกไร่ละ 300 บาทตากหน้าดินให้แห้งหลังจากแห้งเสร็จก็วิดน้ำใส่และก็จ้างรถตีกลบอีกครั้งต้นทุนก็ไร่ละ 400 บาท แล้วจะให้ชาวนาอยู่ได้อย่างไร
อยากจะฝากรัฐบาลให้คิดทบทวนแนวทางใหม่เรื่องการลดปัญหามลพิษโดยแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ควันพิษที่เกิดจากควันรถควรจะแก้ไขปัญหาอย่างไร อย่าเอื้อประโยชน์ให้แต่กับนายทุน แล้วมารังแกชาวนาอย่าซ้ำเติมชาวนาจนต้องหยุดทำนาเลย ปัจจุบันชาวนาไม่แทบจะไม่ได้ผลกำไรจากการทำนาแล้ว อีกไม่กี่ปี นาที่ทำก็คงขายเป็นของนายทุนทั้งหมดถ้า ภาครัฐยังไม่หันมาช่วยชาวนาอย่างจริงจัง และคำว่ากระดูกสันหลังของชาติ ก็คงจะไม่มีอีกต่อไป