วววละพ่อ ลูกชายตามหาแม่หายนาน 4 วัน ที่แท้ติดคุกอยู่ทัณฑสถานหญิงสงขลา แต่พี่สาวไม่ยอมบอกคนในครอบครัว
วววละพ่อ ลูกชายตามหาแม่หายนาน 4 วัน ที่แท้ติดคุกอยู่ทัณฑสถานหญิงสงขลา แต่พี่สาวไม่ยอมบอกคนในครอบครัว
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายประธาน พรมเหล็ก (ลูกชาย) ว่า แม่ของตนเองชื่อ นางจิราภรณ์ ช่วยชูชาติ อายุ 62 ปี (แม่) ได้หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลาข่วงเช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาที่บ้านพักแต่อย่างใด ซึ่งพบเห็นครั้งสุดท้ายนั่งรถสองแถวเข้าเมืองตัวเมืองหาดใหญ่ แล้วก็หายตัวไปเลย โดยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหม่อม ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการมาสอบถามข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติมและไม่มีการแจ้งความคืบหน้าว่าแม่ตนเอง เจอไหม เป็นอย่างไร ทำให้ตนเองเกิดอาการร้อนใจเป็นห่วงแม่ เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงเป็นสาเหตุได้เข้าร้องทุกข์สื่อช่วยเป็นสื่อกลางช่วยเร่งติดตาทและประกาศตามหาแม่ของตนเอง
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก พ.ต.อ.กองทัพ เสนาทิพย์ ผกก.สภ.นาหม่อม หลังรับเรื่องได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน เชิญตัว นางสุพรรษา พรมเหล็ก อายุ 42 ปี (พี่สาวคนโต) มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังทราบว่า นางจิราภรณ์ผู้เป็นแม่ได้มีการบอกกล่าวว่าจะเดินทางไปหาหมอตามหมอนัดที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) แต่ปรากฎว่าหลังตรวจสอบข้อมูลไปทางโรงพยาบาลพบว่า นางจิราภรณ์ไม่ได้ไปหาหมอตามหมอนัดและมีการไปพบหมอครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
จากนั้นจึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.นาหม่อม ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่นางจิราภรณ์ นั่งรถสองแถวไปตามเส้นทางที่รถแล่นผ่าน ซึ่งพบว่ากำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสงขลา ซึ่งระหว่างสอบปากคำนางสุพรรษา ปรากฎว่านางสุพรรษาแจ้งพนักงานสอบสวนว่าเจอตัวแม่ตนเองแล้วซึ่งอยู่ในที่ปลอดภัยจึงขอไม่บอกข้อมูลรายละเอียดที่อยู่ให้ทราบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าอยู่ที่ใด ก่อนจะมีการขอตัวกลับบ้าน
ต่อมา พ.ต.อ.กองทัพ เสนาทิพย์ ผกก.สภ.นาหม่อม สั่งการให้ชุดสืบสวนตามดูพฤติกรรมของนางสุพรรษา ซึ่งช่วงระหว่างสอบปากคำนางสุพรรษามีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่ยอมให้ความร่วมมือและไม่มีความรู้สึกกังวลเรื่องแม่ตนเองได้หายออกจากบ้านไป ต่างกันกับน้องชายที่มีความเป็นห่วงแม่ตนเองอย่างเห็นได้ชัดอีกทั้งยังมีการออกตามหาแม่ตนเองตั้งแต่วันแรกที่แม่หายไป
หลังจากนางสุพรรษาเดินทางกลับบ้านพักไม่ถึง 1 ชม. ก็ได้มีการโทรศัพท์เข้ามายังพนักงานสอบสวนพร้อมกับแจ้งว่า แท้ที่จริงแล้วนางจิราภรณ์ไม่ได้หายตัวไปที่ไหน เพียงแต่ตอนนี้แม่ได้ติดคุกอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงสงขลาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่ตนเองไม่ได้บอกน้องชายและคนอื่นๆ ให้ทราบ จึงเป็นสาเหตุที่น้องชายเข้าแจ้งความคนหาย พอยิ่งรู้ว่าน้องชายร้องทุกข์ไปยังนักข่าวยิ่งทำให้ตนเองอายเข้าไปอีกกับเรื่องที่แม่โดนจับติดคุก จึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ที่ถูกจับติดคุกในข้อหาอะไรนั้น นางสุพรรษาไม่ได้แจ้งเพียงแต่โทรมารับสารภาพความจริงว่าแม่ตนเองอยู่ที่ใหนและนายประกันมาประกันตัวไม่ทันและไม่ได้แจ้งว่าโดนจับติดคุกข้อหาอะไร
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า นางจิราภรณ์ในช่วงที่ผ่านมาถูกจับติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง ในข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งครั้งนี้ได้ก่อเหตุลักทรัพย์เป็นบัตรเคดิตก่อนจะมีการนำบัตรเคดิตไปรูดซื้อสินค้า จนเจ้าของบัตรจับได้ว่ามีการขโมยบัตรเคดิตไป ซึ่งพฤติกรรมของนางจิราภรณ์นั้นได้รับงานดูแลผู้ป่วยติดเตียงตามโรงพยาบาลและบ้านพัก จากนั้นก็จะขโมยทรัพย์สินที่อยู่ในกระเป๋าผู้ป่วยติดเตียง
ส่วนวันที่มีการหายตัวไปนั้น นางจิราภรณ์ได้นั่งรถสองแถวรีบไปขึ้นศาลจังหวัดสงขลา ในข้อหาลักทรัพย์ และ ข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ หลังศาลตัดสิน ปรากฎว่านายประกันไม่ได้ประกันตัวเนื่องจากไม่มีญาติๆมาทำเรื่องประกันตัวเพราะไม่มีเงิน จึงเป็นสาเหตุที่นางจิราภรณ์ติดคุกอยู่ทัณฑสถานหญิงสงขลา ส่วนสาเหตุที่นางสุพรรษาไม่ยอมยอกเรื่องดังกล่าวให้คนในครอบครัวทราบนั้น ผู้สื่อข่าวก็ยังไม่ทราบว่าเพราะอะไร ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อนางสุพรรษาถามสาเหตุที่ไม่ประกันตัวนางจิราภรณ์และสาเหตุที่ไม่แจ้งเรื่องให้คนในครอบครัวทราบเพราะอะไร แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้.
พี่เสือ นักข่าว สงขลา